[Sabuy’s Day] Part 1 การเตรียมตัว การเดินทางไปประเทศ ญี่ปุ่น

จากที่ได้ไปสัมผัส Vacation time มาเป็นเวลา 5 วันที่โอซาก้า,ประเทศ ญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 9 – 15 พฤศจิกายน ตรงกับฤดูใบไม้ร่วง (ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี) chickyitems ก็ขอมารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวและการเดินทางไว้เป็นข้อมูลสำหรับผู้สนใจที่จะเดินทางไปค่า เนื่องจากเป็นการเดินทางไปเอง ไม่ได้ไปกับทัวร์ หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยน๊า ปล.หากสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมสอบถามกันหลังไมค์ได้จ้า ^^

ทริปนี้เราเน้นเที่ยวในเมืองโอซาก้าเป็นหลักเป็นเวลา 3 คืน และเปลี่ยนไปนอนบนเขา Koyasan เป็นเวลา 1 คืนค่ะ บทความรีวิวจึงขอแบ่งออกเป็น 5 Part นะคะ

Part 1 การเตรียมตัว การเดินทาง รายละเอียดข้อมูลต่างๆ ของการเดินทางไปประเทศ ญี่ปุ่น
Part 2 รีวิว Hearton Shinsaibashi hotel-Shitennoji temple-Santa maria-Ferris wheel-Kaiyukan @Osaka, Japan
Part 3 รีวิว Osaka Castle – Osaka museum of history – Tsutenkaku Tower – Osaka Museum Housing and Living – HEP FIVE Ferris Wheel – Namba
Part 4 ตะลุยใน Universal Studio Japan เที่ยวครบใน 1 วัน !
Part 5 ขึ้นเขา นอนวัด เที่ยวสุสาน บน Mt.Koyasan

การจองที่พักและตั๋วเครื่องบิน – เราใช้บริการแพ็จเกตอิสระจากบริษัททัวร์ชื่อดังค่ะ เนื่องจากรวมราคาแล้ว จองผ่านทัวร์จะถูกกว่าค่ะ โดยเราเลือกที่พักคือ Hearton Shinsaibashi hotel ที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งชื่อดัง Shinsaibashi และเลือกนั่ง Japan Airline คะ เนื่องจากเป็นไฟล์ทบินตรงในราคาที่รับได้ค่ะ

การเขียนใบ ตม. และใบศุลกาก รญี่ปุ่น – สองใบนี้พี่แอร์โฮสเตสจะแจกให้บนเครื่องบินค่ะ ก็ควรกรอกให้ครบทุกช่องนะคะ หากไม่รู้จะเขียนยังไงจริงๆตามพี่แอร์ได้เลยค่ะ รายละเอียดการเขียนตามนี้เลยค่า > http://www.mu-ku-ra.com/2015/01/Embarkation.Disembarkation.Card-Japan.html *หากเรากรอกไม่ครบทุกช่องตามที่กำหนด พี่ ตม.จะให้เราไปเขียนตอนตรวจคนเข้าเมืองค่ะ ก็อาจจะทำให้เสียเวลา ไม่ทันรอบรถไฟได้นะค่า

การเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง – เราเลือกใช้ Limited Express Rapi:t แบบ round trip คะ จาก kansai airport-namba และขากลับจาก namba-kansai airport คะ ซื้อบัตรไปจากเมืองไทยค่ะ กลัวพูดกับเค้าไม่รู้เรื่อง 55+ ข้อดีคือ ประหยัดเวลา มีที่นั่งแน่นอน และมีที่วางกระเป๋าเดินทางให้ค่ะ สถานี JR ต่อกับสนามบินเลย ถือว่าสะดวกมากสำหรับผู้เดินทางคะ ดูรายละเอียดจากเว็ปนี้ค่ะ (http://www.howto-osaka.com/en/railway/kix/fromkix/rapit.html#kix)

บัตร Rapi:t และบัตร OSAKA Amazing Pass
บัตร Rapi:t และบัตร OSAKA Amazing Pass

การเดินทางในประเทศ – ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องรถไฟฟ้ามากๆ เราก็เลยตัดสินใจเที่ยวตามแนวรถไฟฟ้าค่ะ เน้นการเดินทางโดยรถไฟฟ้าเป็นหลักคะ เดินไม่ไกลจากรถไฟฟ้า เราเลยซื้อบัตร Osaka amazing pass แบบ 2 วันไปจากไทย หากใครเน้นการเที่ยวในเมืองเป็นหลัก ขอแนะนำบัตรนี้เลยค่ะ เพราะว่าใช้ขึ้นรถไฟแบบ local หรือเรียกอีกอย่างว่า subway ได้ตลอด 2 วัน ไม่จำกัดรอบค่ะ รวมทั้งบัตรนี้สามารถเข้าสถานที่ท่องเที่ยวได้ฟรี 28 แห่ง และใช้เป็นส่วนลดเข้าที่ท่องเที่ยวอื่นๆได้อีก 16 แห่ง และส่วนลดร้านอาหารดังๆในเมืองโอซาก้าได้ด้วยค่ะ (ดูรายละเอียดได้จาก > https://www.osaka-info.jp/osp/en/book/index.html) นอกจากนี้การเดินทางครั้งนี้มีตัวช่วยที่ดีมากๆเลยคือ pocket wifi คะ ซึ่งเจ้าที่เราเช่าไปนั้นไม่มีปัญหาเลย แบตอึดใช้ได้เลยคะ ตอนแรกเราเช่า Power Bank เพิ่มไปด้วยเพราะตอนแรกอ่านในพันทิปแล้วเตือนกันว่าแบตหมดไวเลยเช่าไปค่ะ แต่จริงๆแล้วแทบไม่ได้ใช้เลยคะ แต่เอามาใช้ชาร์ตมือถือแทนเพราะใช้มือถือติดต่อที่ไทยและเปิด map ตลอดค่ะ

รถไฟฟ้า – รถไฟฟ้าของโอซาก้ามีผู้ใช้บริการหลักๆคือ Subway (local train), รถไฟเอกชน และ JR ค่ะ ก็คล้ายๆรถเมล์แดง รถเมล์เอกชน และรถร่วมบริการอะคะ ที่ถ้าจะเปลี่ยนสายก็ต้องออกมาซื้อบัตรใหม่ของสายนั้นๆคะ

ภายในสถานี มีป้ายบอกทางตลอดว่ารถไฟสายไหนให้เดินไปทางไหนค่ะ มีหลายสาย อ่านดีๆนะค่า ^^
ภายในสถานี มีป้ายบอกทางตลอดว่ารถไฟสายไหนให้เดินไปทางไหนค่ะ มีหลายสาย อ่านดีๆนะค่า ^^

การแต่งกาย – เราเช็คอุณหภูมิและสภาพอากาศจากเว็ปนี้ค่ะ (http://www.accuweather.com/en/jp/osaka-shi/225007/weather-forecast/225007) ซึ่งสามารถดูล่วงหน้าได้เป็นอาทิตย์ และค่อนข้างตรงเลยทีเดียวค่ะ ช่วงที่เราไปอุณหภูมิอยู่ประมาณไม่เกิน 20 องศาค่ะ แต่เราเป็นพวกขี้หนาวและกลัวลม ก็จะค่อนข้างใส่หลายชั้นหน่อยค่ะ ช่วงบนก็จะมีเสื้อแขนขาวสีดำ (ตอนอยู่ในเมืองใส่แบบธรรมดา ตอนขึ้นเขาใช้ heattech ของ uniclo ค่ะ) เสื้อสวยๆธรรมดา และเสื้อแจ๊คเก็ต/เสื้อคลุม (ใช้แค่ตอนเช้าและตอนเย็นค่ะ ช่วงกลางวันบ่ายๆต้องถอดค่ะ อากาศอุ่นค่ะ) ช่วงล่างจะมีเลคกิ้งและกระโปรงหรือกางเกงสวมทับค่ะ ใส่ถุงเท้าสักหน่อยแล้วก็รองเท้าผ้าใบ/คัชชูธรรมดาค่ะ (ดูแนวการแต่งกายได้ที่ Facebook BeamSenSei ค่ะ)

ภาษา – เราเตรียม Application Dictionary โหลดใส่มือถือไปค่ะ ตอนแรกกลัวมาก เพราะคิดว่าเค้าจะพูดอังกฤษไม่ได้เลย และเราก็เป็นมนุษย์ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นใดๆนอกจากคำพื้นฐานเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว เค้าก็พอพูดอังกฤษกันได้ค่ะ เช่น ในโรงแรมพนักงานต้อนรับพูดได้ในระดับดีเลย สื่อสาร ถามทาง ช่วยเหลือได้ค่ะ แต่พวกร้านอาหาร หรือที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ก็พอพูดเป็นคำๆได้ค่ะ ไม่ต้องเน้นไวยากรณ์ ไม่ต้องประโยคยาวๆค่ะ ส่วนร้านขายของในแหล่งช้อปปิ้ง ส่วนใหญ่เค้าจะพูดจีนค่ะ ใครพูดจีนได้ก็พูดจีนเลย หรือแนะนำให้เซฟภาพของที่ต้องการแล้วเอาไปเปิดให้เค้าหยิบให้ค่ะ ไม่ต้องเดินหาเองค่ะ

เวลา – ที่ญี่ปุ่นไวกว่าไทย 2 ชั่วโมง ในช่วงที่เราไปเป็นฤดูใบไม้ร่วงใกล้เข้าหน้าหนาว ฟ้าจะมืดไวมากค่ะ ยังไงเช็คเวลาพระอาทิตย์ตกกันหน่อยน๊า เผื่อแหล่งท่องเที่ยวบางทีไปตอนกลางคืนสวยกว่าจะได้เพลนไว้เที่ยวตอนเย็นได้ค่ะ บางทีมืดสนิทแล้วยังแค่ 5 โมงเย็นเองค่ะ

อื่นๆ – ของที่สำคัญมากๆก็จะเป็นยา ทั้งยาประจำ ยาพารา ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้แพ้ ยาอมแก้ไอคะ  ครีมกันผิวแตก (เพราะอากาศหนาวและต้องอาบน้ำอุ่นตลอด เลยติดครีมไปด้วยคะ) Universal Plug เพื่อมีปลั้กที่เสียบไม่ได้ หัวปลั้กที่ญี่ปุ่นเป็นแบบ 2 ขาแบนๆตามภาพค่ะ ใช้กับโน้ตบุ๊คเป็นหลักค่ะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ของที่ต้องชาร์ตเช่น มือถือ ไอแพด กล้อง ก็สามารถเสียบได้เลยไม่ต้องใช้ Universal Plug คะ

แหล่งข้อมูล – หลักๆเลยคงไม่พ้นพันทิปค่ะ > http://pantip.com/tag/%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2

เว็ปท่องเที่ยวต่างๆของคนไทย ตามนี้คะ
+ http://www.tiewyeepoon.com
+ http://www.talonjapan.com

และเราก็หาข้อมูลจาก official website ต่างๆ ของทางญี่ปุ่นด้วย ก็จะมีหลักๆตามนี้ค่ะ
+ http://www.howto-osaka.com/en/top.html
+ https://www.osaka-info.jp/osp/en/index.html
+ http://www.japan-guide.com/e/e2157.html
+ http://www.city.osaka.lg.jp/contents/wdu020/english/
+ https://www.facebook.com/OsakaConventionToursimBureau

และเว็ปไซต์ของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆเองเพิ่มเติมอีกเกี่ยวกับเวลาเปิด-ปิด และhighlight ของแต่ละที่คะ

ออกเดินทางกันเลยจร้าาา
ออกเดินทางกันเลยจร้าาา

จบรายละเอียดของ Part 1 แล้วจ้า Part ต่อไปจะเป็นการรีวิวเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว และวิธีการเดินทางไปในแต่ละที่ค่ะ

อ่านต่อ : Part 2 รีวิว hearton shinsaibashi hotel-shitennoji temple-santa maria-ferris wheel-kaiyukan