กู้หน้าแพ้ หน้าพัง จากครีม เรามีวิธีคะ สาเหตุที่ทำให้ผิวแพ้ครีม ผิวหน้าแพ้ครีมเกิดจาก ผิวหน้าได้รับสารเคมีอันตรายจำนวนมากและสะสมอยู่ในชั้นผิว ทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง เป็นสิวนูน ขนาดใหญ่ ไม่มีหัว แต่มีหนอง มีเลือด ประทุออกมาทางผิวหน้า ไม่ว่าผิวหน้าที่แพ้ครีมจะโดนอะไรก็ตาม ก็ทำให้แพ้ คัน ไวต่อแสงแดด
1. รีบล้างออกด้วยน้ำเปล่า
หากใช้ครีมอะไรก็แล้วแต่ แล้วจู่ๆ เกิดอาการคัน ออกร้อนหน้า หน้าเริ่มมีผื่น หรือเปลี่ยนเป็นสีแดง ให้รีบล้างออกด้วยน้ำเปล่าทันทีค่ะ และควรเป็นน้ำเย็นเท่านั้น เพราะความเย็นจะช่วยลดอุณหภูมิความร้อนบนใบหน้าจากอาการแพ้ และน้ำจะช่วยชำระล้างสิ่งที่ทำให้เราระคายเคือง พร้อมปรับค่า pH ที่ผิดปกติ ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ค่ะ
2. ประคบผิวด้วยว่านหางจระเข้
ลดความร้อนบนผิวหน้าด้วยการใช้ว่านหางจระเข้จริงๆ หรือถ้าใครมีเจลว่านหางจระเข้ก็สามารถใช้ได้ค่ะ ซึ่งว่านหางจระเข้จะช่วยลดความร้อนบนผิวเรา และลดอาการอักเสบค่ะ
3. หยุดใช้ทุกอย่าง เหลือแค่สิ่งจำเป็นเท่านั้น
พอรู้ตัวแล้วว่า เรากำลังแพ้อะไรบางอย่าง ให้หยุดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้กับผิวหน้าค่ะ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อันใหม่ที่เราเพิ่งเปลี่ยน เพราะเป็นไปได้สูงว่า ของใหม่ที่เราเพิ่งเปลี่ยนมาใช้ อาจเป็นต้นเหตุของอาการแพ้ได้ แต่มีอยู่ 2 สิ่งที่ยังจำเป็นต่อผิวหน้าเราและอนุโลมให้ใช้ได้ก็คือ โฟมล้างหน้า กับ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ค่ะ เพราะว่าผิวหน้าเรายังจำเป็นต้องล้างทำความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้อาการแพ้รุนแรงขึ้น ควรใช้โฟมแบบอ่อนโยน และควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพราะสิ่งนี้จะช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองผิวเรา
4. ใช้สกินแคร์ที่ปราศจากสารระคายเคือง
เพื่อไม่ให้ผิวแพ้หนักยิ่งกว่าเดิม สิ่งที่เราใชกับผิวต่อไปนี้ต้องปราศจากสารระคายเคืองค่ะ ข้อที่แล้ว ได้บอกไปว่า เราควรใช้โฟมล้างหน้า และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ใช่ไหมคะ ซึ่งสองตัวนี้เราก็ต้องเลือกแบบที่ไม่มีสารระคายเคืองผสมอยู่ เช่น ไม่มีสาร SLS SLES Parabean (สารกันเสีย) แอลกอฮอล์ และน้ำหอม รวมถึงสกินแคร์ที่มีความเป็นกรด แม้ว่ามันจะมีสรรพคุณในการบำรุงผิวเรา แต่ความเป็นกรดเป็นสิ่งที่ควรเลี่ยงไปก่อนในตอนนี้ค่ะ เช่น Retinol AHA BAHA รวมถึงวิตามินซีที่มีความเป็นกรดอย่าง L-Ascorbic Acid ที่ทำให้ผิวเราเกิดการระคายเคืองได้ค่ะ
5. หยุดสครับผิว
แม้ว่าการสครับผิวจะช่วยให้ผิวเรากระจ่างใสขึ้น แต่เป็นสิ่งที่เราไม่ควรทำในช่วงที่ผิวกำลังแพ้อยู่ค่ะ เพราะว่าการสครับผิวจะทำให้ผิวระคายเคืองหนักเข้าไปอีก และจะทำให้ Skin Barrier ผิวชั้นนอกที่ทำหน้าที่เป็นกำแพงผิวของเราถูกทำร้าย ทำไมเราถึงต้องระวังไม่ให้ Skin Barrier ถูกทำร้าย? ก็เพราะว่าอาจทำให้สิ่งสกปรก แบคทีเรียเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น ก็ยิ่งจะทำให้ผิวหายยาก และระคายเคืองยิ่งกว่าเดิมค่ะ และความชุ่มชื้นที่จำเป็นกับผิวก็จะรั่วไหลออกไปได้ง่าย
6. งดแต่งหน้าไปก่อนจนกว่าจะหายดี
สำหรับสาวๆ ที่ชอบแต่งหน้า แล้วเกิดไปแพ้ครีมขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจ ก็อยากให้ทำใจสักนิดค่ะว่า ในระยะนี้ เราอาจจะงดการแต่งหน้าไปก่อน เพราะว่าส่วนผสมในเครื่องสำอางอาจทำให้ผิวเราระคายเคืองหนักยิ่งกว่าเดิมได้ เช่น สีสังเคราะห์ ซึ่งเป็นสารที่มักถูกใส่ลงไปในเครื่องสำอาง หรือพวกรองพื้นก็อาจไปอุดตันรูขุมขนเราได้ ทำให้สิวขึ้นตามมาได้อีก
7. ปกป้องผิวจากแสงแดด
อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้อาการแพ้ครีมเราหนักยิ่งกว่าเดิมได้ก็คือ “แสงแดด” ค่ะ เราเลยยังจำเป็นต้องปกป้องผิวจากแสงแดดอยู่เสมอ โดยให้เลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Zinc Oxide ที่ไม่ใช่แค่ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดี แต่ยังช่วยฟื้นฟูผิวจากการอักเสบได้ดีอีกด้วย
8. ใช้ครีมฟื้นฟู Skin Barrier
หลังจากผิวเราแพ้ ระคายเคืองจากครีม Skin Barrier หรือกำแพงผิวของเราจะถูกทำลาย และเสื่อมประสิทธิภาพลงค่ะ เพื่อฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม (หรือยิ่งกว่าเดิม) เราควรมองหาครีมที่มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงได้ เช่น ส่วนผสมอย่าง Epidermist 4.0 ที่ช่วยสร้าง Skin Barrier ขึ้นมาใหม่ หรือจะเป็น Ceramella ที่ช่วยซ่อมแซม Skin Barrier ที่เสียหายไปค่ะ
9. ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์
ถ้าทำตามคำแนะนำข้างต้นมาถึง 2-3 วันแล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น เราขอแนะนำว่าให้รีบไปหาหมอด่วนค่ะ เพราะคุณอาจไปแพ้สารบางอย่างที่ต้องใช้การรักษาแบบพิเศษที่ต้องอยู่ในการดูแลจากแพทย์เท่านั้น
สารอันตรายหลักๆที่เป็นส่วนผสมในครีม ทำให้ผิวแพ้ครีม!!
ครีมที่มีสารอันตรายเหล่านี้ มันเป็นครีมที่ขายตามอินเตอร์เนตทั่วไป ที่ไม่ผ่าน อย. สินค้า ไม่มีตรารับรองความปลอดภัย ด้วยความเห็นแก่ตัวของผู้ผลิต ที่ไม่ใส่ใจความปลอดภัยของผู้บริโภค จึงผลิตครีมที่ทำให้ขาวไว ใสจริง และใส่สารอันตรายเหล่านี้ในจำนวนมากๆ ที่ราคาถูก แต่ขายผู้บริโภคด้วยราคาแพงๆ ซึ่งสารหลักๆที่ใช้ในครีมหน้าขาว มีดังนี้..
1. ปรอทแอมโมเนีย สารชนิดนี้จะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ที่ทำให้ผิวคล้ำ จึงใช้สารปรอทแอมโมเนีย ที่สามารถเข้าสู่ผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว ทำให้หน้าขาวได้ภายใน 3-7 วัน พอหยุดใช้หน้าก็กลับมาคล้ำเหมือนเดิม บางรายแพ้มาก เรียกว่าพิษเฉียบพลัน คือ สิวเห่อปะทุทั่วหน้า หน้าบวมแดง บางรายมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด ถึงขั้นไตวายกันเลยก็มี
2. ไฮโดรควิโนน เป็นสารที่พบมากในครีมหน้าขาว ซึ่งส่วนใหญ่ สารไฮโดรควิโนนจะถูกใช้ในวงการแพทย์เท่านั้นเพราะแพทย์จะสั่งเป็นยาทารักษาฝ้า ที่ใส่เพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น!! เมื่อครีมหน้าขาวทั่วไปใส่สารไฮโดรควิโนนจำนวนมากซึ่งเป็นโลหะหนัก เมื่อสะสมอยู่ในผิวหน้าเป็นเวลานาน จึงทำให้ผิวแพ้ ประทุออกมาเป็น สิวเม็ดใหญ่ๆ และบางรายแพ้หนัก ผิวคล้ำกว่าเดิมก็มี
3. สารเสตียรอยด์ เป็นสารที่ผสมในครีมหน้าขาวที่ไม่ผ่าน อย. เพราะทำให้ขาวไว หน้าเนียน และทำให้หน้ราแพ้ง่ายไวด้วย สารเสตียรอยด์จะไม่เหมือนสารที่ใช้ในการรักษาฝ้า ที่จะต้องค่อยๆ ถอย ค่อยๆ ลด แต่อันนี้ต้องหยุดเลย และอาจต้องใช้เวลา แต่ละคนก็บอกยาก ว่าจะยุบลงภายในกี่วันกี่อาทิตย์
ทำอย่างไรเมื่อผิวหน้าแพ้ครีม
ระยะแรกที่ทราบว่าผิวหน้าแพ้ครีม ควรหยุดใช้ครีมตัวนั้นทันที!! และควรหยุดใช้ครีมทุกชนิดก่อน เพราะหน้าของคุณยังบางอยู่ ไม่ว่าจะใช้ครีมตัวไหนก็ทำให้หน้าเห่อตุ่มแดงทั่วใบหน้า ควรพักหน้าสักระยะหนึ่ง และทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
ทำอย่างไรเมื่อผิวหน้าแพ้ครีม
1. ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือ ยังไม่จำเป็นต้องใช้โฟมล้างหน้าใดๆเลย
2. งดการแต่งหน้า เพื่อให้ผิวของคุณได้พักฟื้นให้แข็งแรงก่อน ถึงจะเริ่มมาใช้ครีมได้
3. อย่าบีบ แคะ แกะ เกา ผิวหน้า ที่มีสิว เพราะผิวกำลังแพ้ง่าย และไวต่อเชื้อโรคมาก
4. งดการมาร์คหน้า และสครับผิวก่อน เพราะการมาร์คหน้า และสครับ จะทำให้ผิวแห้งตึงกว่าเดิม และผิวจะเกิดสิวหนักกว่าเดิม